Banner 468 x 60px

 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ทองอุไร

0 ความคิดเห็น

ชื่อวิทยาศาสตร์  Tecoma stans (L.) Kunth
ชื่อวงศ์  Bignoniaceae
ชื่อสามัญ  Yellow elder, Yellow bells, Trumpet vine
ชื่ออื่นๆ  พวงอุไร ดอกสร้อยทอง



ทองอุไร

ลักษณะทั่วไป
 
ต้น  ไม้พุ่มขนาดกลาง สูงประมาณ 2-4 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นสีน้ำตาลนวล เรือนยอดทรงกลมถึงรูปไข่ ทรงพุ่มโปร่ง  ลำต้นตั้งตรง

ใบ  ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น กว้าง 14-16 เซนติเมตร  ยาว 20-23 เซนติเมตร ใบย่อย 5-11 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปใบหอกหรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง 2.5-3 เซนติเมตร  ยาว 5-6 เซนติเมตร  ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ  ขอบใบจักฟันซี่  แผ่นใบบาง ผิวใบด้านบนสีเขียวสด  ก้านใบยาว  9-12 เซนติเมตร

ดอก  สีเหลืองสด ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ก้านช่อดอกยาว 7-11 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียว โคนเชื่อมติดกันปลายแยก 5 แฉก ปลายแหลม โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายเเยกเป็น 5 แฉก คล้ายรูปแตร ดอกร่วงง่าย

ฝัก/ผล  ผลแห้งแตก  เป็นฝักกลม  เรียวเล็ก  ยาว 12-14 เซนติเมตร

เมล็ด  เมล็ดแบนบาง  สีน้ำตาลอ่อนมีปีก

ฤดูกาลออกดอก  กรกฎาคม-กันยายน

การขยายพันธุ์  เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง

ถิ่นกำเนิด  อเมริกากลางและใต้ หมู่เกาะอินดีสตะวันตก

แหล่งที่พบ พบได้ทั่วทุกภาค



ต้นทองอุไรเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รูปทรงเป็นช่อเป็นรวงงดงาม และยังทนแดดได้ดี คนโบราณเชื่อว่าทองอุไรจะเสริมโชคชะตาของผู้ปลูกให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีเงินมีทองร่ำรวยมั่งคั่งสมดังชื่อทองอุไร และอีกชื่อหนึ่งของต้นทองอุไรก็คือ "ดอกสร้อยทอง" ซึ่งก็ถือว่าเป็นมงคลนามด้วยเช่นกัน นอกจากความเชื่อในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ยังเชื่อกันว่าต้นทองอุไรจะเสริมวาสนาบารมีช่วยให้ผู้ปลูกมีเกียรติและมีลาภยศสูงส่งอีกด้วย


Read more...

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

การเวก

0 ความคิดเห็น

ชื่อวิทยาศาสตร์   Artabotrys siamensis Miq.

ชื่อวงศ์ ANNONACEAE

ชื่อสามัญ  Bhandari

ชื่ออื่น กระดังงาจีน (ภาคกลาง), สะบันงาจีน (ภาคเหนือ), กระดังงาเถา สะบันงาเครือ, กระดังงัว กระดังงาเถา, หนามควายนอน


การเวก

ลักษณะทั่วไป

ต้น  ไม้เถาเนื้อแข็ง เลื้อยพาดซุ้มหรือค้าง ผิวของกิ่งก้านค่อนข้างเรียบ ยอดอ่อนมีขน

ใบ  เดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมรี ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่าและมีขนประปรายตามเส้นกลางใบ

ดอก  ดอกคล้ายดอกกระดังงา ช่อดอกออกตรงข้ามกับใบ ก้านแบนและโค้งงอคล้ายขอ ดอกใหญ่มี 1-5 ดอก ออกตามส่วนโค้งของก้านช่อดอก ดอกอ่อนสีเขียว มีขน เมื่อแก่สีเหลือง ผิวค่อนข้างเรียบ กลิ่นหอม กลีบเลี้ยง 3 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ปลายกลีบกระดกขึ้น กลีบดอกหนาแข็งเรียงสลับกัน 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ รูปขอบขนานปลายแหลม โคนกลีบเว้าคล้ายรูปไข่ป้อมและโค้งแนบกับโคนกลีบชั้นใน มีจุดกระสีแดงที่ด้านในของโคนกลีบ เนื้อกลีบหนา ด้านในมีสันกลางกลีบ กลีบดอกชั้นในคล้ายกลีบชั้นนอกแต่ขนาดเล็กกว่า เกสรเพศผู้เล็ก มีจำนวนมาก เกสรเพศเมียมีหลายอัน อยู่แยกกัน แต่ยอดเกสรเพศเมียมีเมือกเหนียวติดกัน  ก้านช่อดอกส่วนหนึ่งแบนและโค้งคล้ายตะขอใช้เกาะเกี่ยว

ฝัก/ผล  เป็นผลกลุ่ม กลุ่มละ 4-20 ผล แต่ละผลรูปรีป้อมหรือรูปไข่กลับ ก้านผลสั้น ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่ละผลมี 1-2 เมล็ด


ฤดูกาลออกดอก ตลอดปี


การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด หรือโดยการตอนและปักชำ


ถิ่นกำเนิด อินเดีย ศรีลังกา และจีนตอนใต้
Read more...